เหล็ก H-Beam เป็นวัสดุก่อสร้างที่ผู้รับเหมานิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างอย่างแพร่หลาย ซึ่ง SB Steel จะพาไปเจาะลึกรายละเอียดที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเหล็กเอชบีมให้คุณรู้จักมากขึ้น
เจาะลึก! ลักษณะของเหล็ก H-Beam
เหล็กเอชบีม หรือ เหล็ก H-Beam เป็นเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (Hot Rolled Structural Steel Sections) ที่มีลักษณะหน้าตัดเป็นรูปตัวเอช (H) มีชื่อเรียกหลากหลายในวงการก่อสร้าง อาทิ เหล็กเอช เหล็กตัวเอช เสาเอช เหล็กปีกไอ และ เสาบีม
การผลิต : กระบวนการผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน จะนำเศษเหล็กมาหลอมในเบ้าขนาดใหญ่ด้วยความร้อนสูงกว่า 1,600 องศาเซลเซียส จนกลายเป็นน้ำเหล็ก แล้วเติมส่วนผสมเพื่อให้เหล็กมีความแข็งแรง จากนั้นก็นำมาหล่อให้เป็นแท่ง รีดด้วยแท่นรีดขนาดใหญ่ที่อุณหภูมิประมาณ 1,200 องศาเซลเซียส จนได้ขนาดตามมาตรฐาน
รูปร่างและขนาด : เหล็ก H-Beam มีรูปร่างเป็นตัว “H” โดยมีส่วนกลางที่เป็นแถวตั้งและส่วนข้างที่เป็นแถวนอน ขนาดความสูงและความกว้างแต่ละด้านจะต้องเท่ากัน มีปีกกว้าง (Wide Flange) โดยขนาดของเหล็ก H-Beam สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของการใช้งาน
วัสดุ : เหล็ก H-Beam ผลิตจากเหล็กและเหล็กกล้าคาร์บอน โดยมีคุณภาพสูงและมาตรฐานการผลิตที่เชื่อถือได้
โครงสร้างของผิว : ผิวของเหล็ก H-Beam มีการดัดแปลงเพื่อให้มีความแข็งแรง ต้านทานต่อการกัดกร่อน ซึ่งสามารถต้านทานการตัดโค้ง (Bending) และการบิด (Twisting) ได้เป็นอย่างดี
น้ำหนัก : เหล็ก H-Beam มีน้ำหนักมากกว่าวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้ในโครงการที่ต้องการความแข็งแรง ความทนทาน และรับน้ำหนักได้มาก จึงนิยมใช้เป็นโครงสร้างหลักของอาคารหรือโรงงาน
ข้อดีของการเลือกใช้งานเหล็ก H-Beam
สำหรับผู้รับเหมาหรือผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเหล็กก่อสร้าง SB Steel รวบรวมข้อดีของเหล็ก H-Beam มาฝากกัน
- ความแข็งแรงและทนทาน: เหล็ก H-Beam มีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงกระแทกอย่างดี เหมาะสำหรับงานโครงการที่ต้องการความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและภัยธรรมชาติ
- ความยืดหยุ่นในการออกแบบ: หากโครงการของคุณมีความซับซ้อน เหล็ก H-Beam ถือว่าตอบโจทย์ เพราะเป็นเหล็กที่มีความยืดหยุ่นสูงในการ สามารถดัดแปลงและต่อเติมได้ง่าย โดยไม่ต้องทำการทุบรื้อส่วนของโครงสร้างอื่นๆ
- รับน้ำหนักได้มาก: เหล็ก H-Beam เหมาะสำหรับโครงการที่ต้องรับน้ำหนักมาก อาทิ การก่อสร้างอาคารและสะพาน
- คุณภาพสูง: เหล็ก H-Beam มีคุณภาพสูงและผ่านมาตรฐานการผลิตที่เชื่อถือได้ มีการรับรอง มอก. ผู้รับเหมาสามารถเลือกใช้งานได้อย่างมั่นใจ
- เคลื่อนย้ายง่าย ติดตั้งไว: เหล็ก H-Beam มีโครงสร้างที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมทำให้ง่ายต่อการติดตั้ง ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- บำรุงรักษาง่าย: เหล็ก H-Beam มีความทนทานต่อการกัดกร่อนและการสึกกร่อนอยู่ในระดับดี จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
เหล็ก H-Beam เหมาะกับการใช้งานแบบใด?
เหล็ก H-Beam มีความแข็งแรง ทนทาน และรับน้ำหนักได้สูง จึงเหมาะกับงานโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมาก ทนต่อการกัดกร่อนจากสภาพอากาศ ภัยธรรมชาติ และอุณหภูมิที่สูงขึ้น
- โครงสร้างหลัก อาทิ อาคารพักอาศัย โรงงาน โกดัง ตึกสูง สะพาน และสนามกีฬา
- ส่วนประกอบโครงสร้าง เช่น นำมาประยุกต์ใช้เป็นโครงเสา หลังคา รั้ว และคาน
เหล็ก H-Beam และ เหล็ก I-Beam ควรเลือกใช้งานเหล็กแบบไหน?
ผู้รับเหมาหรือช่างก่อสร้างหลายๆ ท่าน อาจจะยังลังเลว่าจะเลือกใช้เหล็ก H-Beam หรือ เหล็ก I-Beam ในการก่อสร้าง เพราะมีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งเราก็มีข้อมูลของเหล็กทั้ง 2 ชนิดมาเปรียบเทียบให้คุณได้ใช้ประกอบการพิจารณาก่อนซื้อเหล็กก่อสร้าง
คุณลักษณะ
เหล็ก H-Beam หน้าตัดรูปตัว H ความหนาของ Flange จะเท่ากันตลอด รับน้ำหนักได้ดี ซึ่งมีขนาดให้เลือกใช้ค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่ขนาด H100x50 mm. จนถึงขนาดใหญ่ H900x300 mm.
ส่วนเหล็ก I-Beam หน้าตัดรูปตัว I ความหนาของ Flange มากและ Taper มีลักษณะเรียวที่ปลาย รับน้ำหนักได้ดีเช่นกัน แต่จะมีน้ำหนักมากกว่าเหล็ก H-Beam
การนำไปประยุกต์ใช้
เหล็ก H-Beam มีขนาดให้เลือกหลากหลาย จึงนิยมนำมาใช้ในงานก่อสร้างอย่างแพร่หลาย อาทิ โครงสร้างอาคาร โครงสร้างโรงงาน หรือสะพานที่ต้องรับน้ำหนักมาก
ในขณะที่เหล็ก I-Beam เหมาะสำหรับการทำรางเลื่อนหรือเครนยกของในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะมีความหนามากกว่าเหล็กชนิดอื่น
SB steel จำหน่ายเหล็ก H-Beam และเหล็กรายการอื่นๆ ครบวงจร พร้อมทีมช่างให้คำแนะนำ
SB Steel คลังเหล็กก่อสร้างย่านบางแค ที่จำหน่ายเหล็กคุณภาพสูงมานานกว่า 40 ปี มีเหล็กให้ผู้รับเหมาเลือกซื้อกว่า 1,300 รายการ ในราคาย่อมเยา เพราะเหล็กของเราส่งตรงจากโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน จึงช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างให้คุณได้ นอกจากนี้ SB Steel ยังมีบริการตรวจสอบคุณภาพ (QC) และจัดส่งเหล็กให้คุณถึงไซต์งานทั่วประเทศโดยทีมช่างมืออาชีพ
ขอคำปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าของ SB Steel สามารถติดต่อได้ที่ Tel. 02 421 1308 หรือเยี่ยมชมร้าน คลิกดูแผนที่